Tuesday, September 11, 2012

สูตรเด็ดพิชิตไขมัน



                ไขมันเมื่อเข้ามาในร่างกายแล้วจะเปลี่ยนเป็นเซลลูไลท์สะสมตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำให้คุณอ้วนฉุได้ง่าย ๆ แล้วทำยังไงถึงจะกำจัดเจ้าไขมันตัวร้ายนี่ได้ ไม่ต้องเป็นกังวลไปค่ะ วันนี้เรามีสูตรเด็ดพิชิตไขมันมาฝากค่ะ   
                1. รับประทานอาหารให้น้อยลง    
                เมื่อคุณรับประทานอาหารให้น้อยลง ร่างกายจะมีกลไกดึงไขมันสะสมมาใช้ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ช่วยขจัดไขมันหรือเซลลูไลท์ที่สะสมตามร่างกายที่ดีที่สุด แต่แนะนำว่าควรทำแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เพราะเป็นวิธีที่อันตราย ร่างกายของคุณอาจจะขาดสารอาหารที่จำเป็นได้     
                2. รับประทานอาหารเช้า 
                อาหารเช้าจะเป็นตัวรักษาสมดุลให้ร่างกายของคุณมีอัตราการเผาผลาญพลังงานที่ดีขึ้น และคุณจะควบคุมการรับประทานอาหารมื้ออื่น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น ถ้าอดอาหารเช้าคุณอาจจะเผลอรับประทานอาหารมื้ออื่นมากเกินความจำเป็นก็ได้ ถ้ากลัวอ้วนก็รับประทานอาหารพวกโปรตีนและกากใยเยอะ ๆ       
                3. บริโภคโปรตีนทุกมื้อ   
                โปรตีนจะทำให้หนักท้อง ทำให้ไม่อ้วน เลือกโปรตีนที่เป็นประโยชน์อย่าง โปรตีนนม โปรตีนถั่วเหลือง เนื้อสัตว์ก็เลือกแบบไม่ติดมัน อาทิเช่น อกไก่ ปลาเนื้อขาว  เป็นต้น         
            4. เคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้น     
                จะช่วยให้อัตราการเผาผลาญพลังงานมากขึ้น เพียงแค่คุณปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เช่น เคยใช้ลิฟต์ก็เปลี่ยนมาใช้บันได เดินไปทำงาน เป็นต้น จะช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานส่วนเกินได้มากทีเดียวในแต่ละวัน    
            5. ดื่มชาเขียว      
                ชาเขียวที่ว่านี้ไม่ใช่ชาเขียวสูตรหวานจ๋อยที่บรรจุขวดขายนะคะ เราหมายถึงชาเขียวที่ชงเองปราศจากน้ำตาล หรือชาเขียวสูตรซูก้าฟรีก็ได้ การดื่มชาเขียวนั้นมีผลการวิจัยออกมาแล้วว่าช่วยมันจะช่วยเผาผลาญพลังงานจำพวกไขมันได้ดี ซึ่งเป็นผลให้น้ำหนักลดลง             
                เป็น 5 สูตรเด็ดง่าย ๆ ที่
ทำได้แบบสบาย ๆ แต่ก็อย่าลืมทำควบคู่กับการควบคุมอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลด้วยนะคะ แล้วก็อย่าลืมออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน ทีนี้ล่ะร่างกายของคุณก็จะปราศจากไขมัน หุ่นฟิตแอนด์เฟิร์มจนคนอื่นต้องอิจฉาแน่นอน

สวยเป๊ะได้ง่าย ๆ เริ่มได้ที่เสื้อผ้า



                เสื้อผ้าทำให้คนเราสวยขึ้น ไม่ว่าจะสูงต่ำ ดำ หรือขาว คุณก็สามารถสวยได้ถ้าเลือกเสื้อผ้าได้เหมาะสมกับรูปร่าง บางคนหน้าสวยแต่เลือกเสื้อผ้าผิดก็มีสิทธิดับได้เหมือนกัน เสื้อผ้าที่ใส่แล้วสวยไม่จำเป็นต้องเป็นเสื้อผ้าที่ราคาแพง มียี่ห้อ เพียงแค่คุณเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับรูปร่าง สะอาด ตัดเย็บดี คุณก็สามารถดูดีได้เทียบเท่ากับคนที่ใส่แบนด์ดัง ๆ แล้วค่ะ 
                การเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะกับรูปร่าง           
                สาวหุ่นกระบอก ใส่เสื้อผ้าได้หลากหลายรูปแบบ แต่ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดรูป ควรใส่เสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าพริ้ว ๆ จะช่วยหลอกตาให้หุ่นของคุณดูไม่ตรงดิ่งจนเกินไป และถ้าเสริมด้วยเข็มขัดหรือสายรัดเอวจะทำให้คุณดูมีเอวมากขึ้น               
                สาวหุ่นนาฬิกาทราย เป็นหุ่นที่น่าอิจฉาที่สุด เพราะใส่อะไรก็ดูดี เอวเป็นเอว อกเป็นอก แต่ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดช่วงเอวจนเกินไปเพราะจะทำให้เอวดูหัก และหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่เน้นช่วงสะโพกเพราะจะทำให้สะโพกดูใหญ่      
                สาวหุ่นลูกแพร์ สาวหุ่นนี้สะโพกจะใหญ่ ให้หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่ท่อนล่างพริ้ว ๆ อย่างกระโปรงอัดพรีต หรือกระโปรงสุ่ม จะทำให้สะโพกของคุณดูใหญ่เข้าไปใหญ่ เลือกเสื้อผ้าท่อนบนที่สีสดใสจะได้ช่วยพรางตาให้ดูช่วงล่างเล็กลง         
                สาวอวบ สำหรับสาวอวบห้ามใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ เป็นอันขาด คุณจะดูเป็นยักต์ในทันที เลือกเสื้อผ้าพอดีตัวที่ไม่รัดจนเกินไปดีกว่านะคะ แล้วก็เลือกใส่เสื้อผ้าโทนสีเข้ม คุณจะดูตัวเล็กลงค่ะ       
                เสื้อผ้ากับสีผิว                   
                การเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะกับสีผิวก็เป็นเรื่องสำคัญนะคะ               
                ผิวขาว คนผิวขาวสามารถใส่เสื้อผ้าสีสดและสีเข้มเพื่อขับผิวได้ แต่ให้หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าสีขาว เพราะจะทำให้ผิวของคุณดูซีดไปกันใหญ่               
                ผิวคล้ำ คนผิวคล้ำให้เลือกใส่เสื้อผ้าสีโทนสว่าง เช่น สีขาว หรือสีพาสเทลอ่อน ๆ จะช่วยกระจายแสงให้ผิวของคุณดูขาวขึ้น
                สาวผิวเหลือง คนผิวเหลือง เลือกใส่เสื้อผ้าสีโทนเย็น อย่าง สีฟ้า หรือ สีเขียว จะช่วยให้ผิวของคุณดูสดใสขึ้น        
                เสื้อผ้าไม่ได้มีหน้าทีปกปิดและให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเพียงอย่างเดียว เสื้อผ้าที่ดีสามารถปกปิดจุดบกพร่องและเสริมจุดเด่นของร่างกายผู้สวมใส่ได้

วิธีกระชับต้นขาแบบง่าย ๆ



                ต้นขาใหญ่เป็นปัญหาปวดหัวลำดับต้น ๆ ของหญิงสาว เป็นสัดส่วนที่ลดยากที่สุด บางคนลดน้ำหนักสำเร็จแต่ลดขาไม่ได้ บางคนลดได้แต่ดันไม่กระชับ ทำยังไงดี วันนี้เรามีคำตอบค่ะ เรามีวิธีกระชับต้นขาแบบง่าย ๆ มาเสนอ ใคร ๆ ก็ทำได้ ไปดูกันเลยค่ะ             
                1. บริหารต้นขาด้วยขั้นบันได                   
                ขั้นบันไดนี่แหล่ะค่ะตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับการบริหารต้นขา การก้าวขึ้นลงบันไดจะช่วยกระชับต้นขาและเผาผลาญพลังงานส่วนเกินได้อีกด้วย จากที่คุณใช้แต่ลิฟต์ก็ลองเปลี่ยนไปขึ้นบันไดบ้าง รับรองว่าภายในเวลาไม่กี่เดือนต้นขาของคุณจะกระชับเพรียวสวยขึ้นแน่นอน               
            2. วิ่งลดต้นขา     
                ไม่จำเป็นต้องวิ่งเร็ว แค่จ็อกกิ้งก็พอแล้วค่ะ การวิ่งจ็อกกิ้งจะช่วยเผาผลาญพลังงานและกระชับขาได้ทุกส่วน และถือว่าเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ดีที่สุด ตอนวิ่งอย่าลืมใส่รองเท้าวิ่งเพื่อลดแรงกระแทกด้วยนะคะ ช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการวิ่ง เป็นช่วงเวลาที่อากาศมีออกซิเจนบริสุทธิ์มาก ช่วยบริหารปอดไปในตัว               
            3. เดินเร็ว         
                ในวันที่อากาศดี ๆ คุณลองออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้บ้านดู การเดินเร็วก็ช่วยลดต้นขาได้เหมือนกัน อาจจะได้ผลเทียบเท่าการวิ่งจ๊อกกิ้งเลยทีเดียว ถ้าคุณเดินไวพอ วิธีนี้จะช่วยลดอาการอักเสบที่ข้อขาและเข่าได้ สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักมากหรือมีปัญหาเรื่องกระดูกก็สามารถใช้วิธีนี้ได้               
            4. ปั่นจักรยาน     
                ปั่นจักรยานเป็นท่าที่คลาสสิกที่สุดสำหรับการลดต้นขา เป็นท่าบริหารที่ใช้กำลังต้นขามากทำให้กล้ามเนื้อส่วนต้นขากระชับได้ไว ถ้าคุณไม่มีเวลาและจักรยาน จะลองปั่นจักรยานอากาศดูก็ได้ถึงจะได้ผลไม่เท่ากับปั่นจักรยานจริง ๆ ก็ตามที แต่ถ้ามีโอกาสออกไปปั่นจักรยานข้างนอกแล้วล่ะก็คุณอาจจะได้ของแถมอย่าง สุขภาพดี ๆ และธรรมชาติสวย ๆ อีกด้วย           
                ทั้ง 4 วิธีนี้เป็นวิธีลดต้นขาแบบง่าย ๆ แต่รับประกันว่าได้ผลแน่นอนค่ะ เคล็ดลับก็คือต้องทำอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารด้วยนะคะ

ภัยร้ายที่มาพร้อมกับการลดความอ้วนแบบผิด ๆ

ลดความอ้วน


                1. ขาดน้ำ             
                น้ำเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับร่างกาย ในร่างกายมีน้ำถึง 70% ด้วยกัน ถ้าคุณลดความอ้วนด้วยการดื่มน้ำน้อย หรืออดอาหารจะทำให้ร่างกายขาดน้ำทำให้ผิวหนังแห้ง เหี่ยวย่น สมองทำงานช้า ระบบเลือดระบบน้ำเหลืองไม่ดี โดยในแต่ละวันเราต้องได้รับน้ำประมาณ 8 แก้ว (2,000
CC) ไม่เฉพาะการดื่มน้ำน้อยเท่านั้น การอดอาหารก็ทำให้ขาดน้ำได้ เพราะในอาหารมีน้ำอยู่ประมาณ 300-500 CC เมื่อคุณลดความอ้วนอดอาหารคุณจะขาดน้ำในส่วนนี้ไปและขาดวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายควรได้รับอีกต่างหาก ทางที่ดีคุณควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ และใช้วิธีควบคุมแคลอรี่แทน    
            2. ระบบขับถ่ายเสีย        
                เมื่อคุณอดอาหารกากใยในลำไส้จะน้อยลง ทำให้คุณถ่ายไม่ออกหรือถ่ายไม่เป็นเวลา นาน ๆ เข้าระบบขับถ่ายก็จะรวน เกินอาการท้องผูกได้ เพราะฉะนั้นถ้าคุณต้องการลดความอ้วนอย่าอดอาหารจะดีกว่าค่ะ ให้เปลี่ยนไปรับประทานอาหารที่มีกากใยสูงแต่ไม่อ้วนแทนจะดีกว่า                
                3. เส้นผมขาดความเงางาม แห้งกรอบ       
                การลดความอ้วนด้วยการ
อดอาหารทำให้เส้นผมขาดน้ำได้เหมือนกับร่างกาย เพราะบริเวณโคนผมมีต่อมไขมันที่จำเป็นต่อเส้นผม ต่อมไขมันนี้ต้องการน้ำและสารอาหารที่เพียงพอเพื่อหล่อเลี้ยงเส้นผม เมื่อร่างกายขาดน้ำต่อมไขมันก็จะผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงเส้นผมน้อยไปด้วย ถ้าคุณอยู่ในช่วงลดน้ำหนักต้องควบคุมอาหารให้รับประทานอาหารเสริม เช่น น้ำมันตับปลา วิตามินบี 1 ทดแทนในส่วนที่ขาดไป     
            4. กล้ามเนื้อไม่มีแรง         
                เมื่ออดอาหารคุณจะได้รับปริมาณโปรตีนน้อยกว่าปกติ โปรตีนจำเป็นต่อการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เมื่อได้รับโปรตีนน้อยคุณจะรู้สึกว่าไม่มีแรงควรรับประทานอาหารเสริมโปรตีนช่วย หรือใช้การรับประทานอาหารโปรตีนธรรมชาติที่มีไขมันน้อยก็ได้ เช่น อกไก่ ปลาเนื้อขาว เต้าหู้ เป็นต้น               
                5. โรคร่างกายปฏิเสธอาหารหรืออนาเร็กเซีย             
                โรคนี้จะทำให้ร่างกายปฏิเสธอาหารโดยสิ้นเชิง เกิดจากการอดอาหารมากเกินไปและภาวะความเครียดจากการลดน้ำหนัก ผู้ป่วยจะรู้สึกว่าการรับประทานอาหารเป็นสิ่งที่ผิด ทำให้ร่างกายสฎิเสธอาหาร รับประทานอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมด

ฟันเหลืองแก้ได้


                อยากฟันขาวไม่ต้องเสียเงินไปฟอกฟันค่ะ เรามีวิธีแก้ฟันเหลืองแบบง่าย ๆ มาฝากคุณสาว รับรองว่าได้ผลแน่นอน แล้วยิ้มครั้งต่อไปของคุณจะเต็มไปด้วยความมั่นใจค่ะ        
                1. น้ำมะนาว สูตรนี้ใช้น้ำมะนาวผสมกับเบคกิ้งโซดาให้เข้ากัน นำส่วนผสมที่ได้มาแปลงฟันตามปกติ แล้วกลั้วปากด้วยน้ำจำนวนมาก เพราะกรดจากน้ำมะนาวอาจจะทำลายเคลือบฟันได้     
                2. บล็อกโคลี่ บล็อกโคลี่ช่วยลดการสึกกร่อนของเคลือบฟัน โดยบล็อกโคลี่จะสร้างเนื้อเยื่อบาง ๆ ที่มีฤทธิ์ต้านกรดออกมา
                3. แอปเปิ้ล มีความกรอบช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลายและช่วยขัดฝันไปนตัวในขณะที่เคี้ยว และในแอปเปิ้ลก็มีกรดธรรมชาติจากผลไม้อีกด้วย       
                4. สตรอเบอร์รี่ นำสตรอเบอร์รี่สดปั่นให้ละเอียดผสมกับแป้งทำอาหารนำไปขัดฟันจะช่วยให้ฟันขาวขึ้นได้            
                5. เห็ดหอม เห็ดหอมอุดมไปด้วย
Lentinan ช่วยป้องกันการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก    
                6. งา เป็นสครับธรรมชาติที่ช่วยขัดฟัน ลดการสะสมของคราบหินปูนและยังมีแคลเซี่ยมสูงเป็นประโยชน์ต่อโครงสร้างฟัน   
                7. น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ เป็นน้ำยาบ้วนปากที่ดีที่สุด มีค่ากรดที่พอดีใช้ล้างเคลือบฟันได้ แต่รสของมันดื่มยากให้ผสมกับน้ำเปล่าให้เจือจางก่อนก็ได้
                แต่ยังไงก็ตามคุณสาว ๆ ต้องหลีกเลี่ยงต้นเหตุของฟันเหลืองด้วยนะคะ ฟันเหลืองเกิดจากเคลือบฟันเราเปลี่ยนสี ซึ่งมีสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้               
                - การดื่มชา กาแฟ
                - การสูบบุหรี่        
                ถ้าไม่อยากฟันเหลืองก็หลีกเลี่ยงสาเหตุต่าง ๆ เหล่านี้ดีกว่าค่ะ     
                ถ้าสาวคนไหนรักความสะดวกสบายปัจจุบันก็มีครีมฟอกสีฟันออกมาขายแล้วนะคะ วิธีการง่าย ๆ ก็แค่ถูครีมที่ว่านี่บนผิวฟันแล้วล้างออกฟันก็จะดูขาวขึ้นแล้วล่ะค่ะ แต่ได้ผลเฉพาะคนที่เคลือบฟันเหลืองเท่านั้นนะคะ ถ้าเหลืองตั้งแต่เนื้อฟันนี่ต้องอาศัยฝีมือแพทย์ค่ะ วิธีการตรวจดูว่าสามารถฟอกสีฟันด้วยตัวเองได้หรือเปล่าให้ใช้กระดาษเอสี่สีขาวเทียบกับสีฟันดู ถ้าสีฟันออกเหลืองตุ่นแสดงว่าฟอกเองได้ค่ะ แต่ถ้าฟันออกเหลืองเทา ๆ นี่แสดงว่าไม่ได้เหลืองที่เคลือบฟันแล้วล่ะ กรณีนี้ต้องไปพบแพทย์ค่ะ

เทคนิคแต่งหน้าให้ดูขึ้นกล้อง



                ผู้หญิงชอบถ่ายรูป ถ่ายแล้วจะเก็บไว้ดูเองมันก็ออกจะเซ็ง ๆ ไปหน่อย มันต้องประกาศความสวยให้โลกรู้ถึงจะดี จึงเป็นที่มาของการ อัฟรูป แชร์รูปตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น Hi5 , twitter , Facebook หรือที่กำลังเป็นกระแสในตอนนี้อย่าง instagram  ทีนี้จะถ่ายรูปธรรมดา ๆ มันก็จะดูธรรมชาติ(ลงโทษ)เกินไปหน่อย เราก็ต้องมีเสริมแต่งความบริ๊งก่อนถ่ายรูปนิดนึง วันนี้เรามีเทคนิคแต่งหน้าให้ดูขึ้นกล้องมาฝากค่ะ รับรองว่าโดนใจแน่นอน  
                1. สีผิวต้องใสวิ้งสม่ำเสมอ ใบหน้าที่เป็นจุดโฟกัสให้ใช้คอนซิลเลอร์ปกปิดริ้วรอยแล้วลงเบสเพื่อปรับสีผิวให้สม่ำเสมอแล้วตบท้ายด้วยแป้ง ถ้าอยากให้ผิวเปล่งประกายดูมีออร่าก็ใช้บรอนเซอร์ปัดเบา ๆ ที่แก้ม ขมับ และเปลือกตาให้ดูวิ้งด้วยก็ได้      
                2. หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางเนื้อมันวาว เพราะจะทำให้หน้าของคุณดูมันเมื่อถ่ายรูปออกมา ให้ใช้เครื่องสำอางเนื้อแมทซ์ที่มีประกายระยิบระยับเล็กน้อยจะดีกว่า ส่วนริมฝีปากเป็นข้อยกเว้นค่ะ แต่งให้ฉุ่มฉ่ำมันวาวได้ตามใจ      
                3. เมื่อแต่งหน้าไปสักระยะหนึ่งหน้าจะหมอง ถ้าคุณไม่ได้ถ่ายรูปในทันที วิธีแก้ไขก็คือให้ใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีดเบา ๆ บนใบหน้า อย่าเยอะเดี๋ยวละลาย เสร็จแล้วพอน้ำแร่แห้งให้ใช้ผงชิมเมอร์ตบให้ทั่วใบหน้า จะช่วยให้หน้ากลับมาสว่างสดใสได้อีกครั้ง   
                4. สีที่ขึ้นกล้องมากที่สุดคือสีชมพู และเป็นสีที่เหมาะกับผิวสาวเอเซียมากที่สุด แต่งออกมาแล้วจะให้ประกายความอ่อนเยาว์ ทั้งปาก แก้ม และตา คุณสามารถเลือกเครื่องสำอางโทนสีชมพูมาตกแต่งใบหน้าได้อย่างไม่มีกั๊ก ถ้าไม่อยากหวานมากเกินไปก็เบรกด้วยสีส้มหรือสีน้ำตาลอ่อนก็ได้                
                5. เพิ่มประกายให้ดวงตาสดใส สู้กล้อง หยดน้ำตาเทียมใส่ดวงตาเล็กน้อยก่อนถ่ายรูป จะช่วยให้ตาของคุณมีประกาย ไม่แห้ง รูปถ่ายจะดูมีชีวิตชีวามากขึ้น อย่าลืมติดขนตาปลอมเพิ่มความโดดเด้งด้วยล่ะ
                เป็นยังไงคะเคล็ดลับของเรา ลองเอาไปใช้ดูนะ ทีนี้แหล่ะเน็ตไอดอลคนใหม่อาจจะเป็นคุณก็เป็นได้ ใครจะไปรู้

เทคนิคแต่งหน้าสำหรับสาววัยเลข 3



                เมื่อผู้หญิงมีอายุย่างเข้าเลข 3 ปัญหาต่าง ๆ จะเริ่มปรากฏชัดให้ปวดหัวเล่น ทั้ง ริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย หน้าหมองคล้ำ ดูขาดชีวิตชีวา ฯลฯ ถ้าคุณเริ่มเป็นกังวลกับปัญหาเหล่านี้เชิญทางนี้เลยค่ะ วันนี้เรามีวิธีแก้ปัญหามาฝาก เป็นเทคนิคแต่งหน้าสำหรับกระชากวัยและลบปัญหาเรื่องผิวให้หายวับ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ
            1. รองพื้นสำคัญที่สุด      
                สำหรับปกปิดริ้วรอย จุดหมองคล้ำ กระ ฝ้า เลือกใช้รองพื้นที่มีประสิทธิภาพปกปิดแบบสูงสุด ลืมรองพื้นเนื้อบางเบาไปเลยค่ะ สำหรับเราต้องเนียนเรียบ เป๊ะเว่อร์เท่านั้น แต่ถึงยังไงคุณก็ต้องทารองพื้นให้บางที่สุดเท่าที่จะทำได้และมองไม่เห็นริ้วรอยตามที่ควรจะปกปิดด้วย อย่าทาให้เป็นปื้นดูหลอกตาเป็นอันขาด จะใช้พับหรือแปรงแต่งหน้าเป็นตัวช่วยเกลี่ยก็ได้ จะได้ควบคุมปริมาณของรองพื้นได้ดีขึ้น     
                2. เพิ่มประกายความสดใสด้วยบรอนเซอร์ 
                ผิววัยเลข 3 มักจะประสบปัญหาหมองคล้ำ ดูไม่สดใส ในขั้นตอนสุดท้ายของการแต่งหน้าให้คุณเพิ่มประกายให้ผิวด้วยการตบบรอนเซอร์เบา ๆ ให้ทั่วใบหน้าจะช่วยให้คุณดูสดใส อ่อนกว่าวัยได้ค่ะ ใบหน้าจะได้ดูฉ่ำ ๆ เหมือนผิวเด็ก  
                3. หน้าไม่กระชับต้องอาศัยเฉดดิ้ง
                ผิววัยเลข 3 มักหย่อนคล้อยให้รูปหน้าดูไม่กระชับเหมือนตอนสาว ๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป แค่คุณใช้เฉดดิ้งเกลี่ยเบา ๆ ที่ข้างแก้มตลอดแนวก็สามารถทำให้หน้าดูเรียวกระชับขึ้นได้แล้ว     
            4. ไฮไลท์เพิ่มประกายลูกเล่น       
                สดใสยิ่งขึ้นด้วยการลงไฮไลท์เบา ๆ ที่โหนกคิ้ว สันจมูก และเปลือกตา จะช่วยทำให้ดูสดใสมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว และหน้าก็จะดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อย            
            5. เลือกใช้สีสำหรับวัยสาว           
                สีชมพูเป็นสีที่บ่งบอกถึงความเยาว์วัย ความเป็นสาว ให้คุณใช้บลัชออนสีชมพูปัดเบา ๆ ที่โหนกแก้มถ้าคุณเป็นสาวผิวขาว แต่ถ้าคุณเป็นสาวผิวเข้มให้เปลี่ยนโทนเป็นชมพูเบส หรือชมพูอมส้มจะเหมาะกับโทนผิวของคุณมากกว่า ส่วนเปลือกตาก็ใช้อายแชโดว์ไล่สีชมพูอ่อนแก่ หรือชมพูน้ำตาลขาว ก็ดูดี          
            6. ริมฝีปากฉ่ำสวย          
                สาววัยเลขสามมักมีปัญหาริมฝีปากแห้ง มีริ้วรอย ไม่อิ่มเอิบ เพราะสูญเสียคอลลาเจนตามธรรมชาติไป ให้ใช้ลิปติกเนื้อมันวาวแต่งแต้มริมฝีปากแล้วทาทับด้วยลิปกรอสมีประกายฉ่ำน้ำ จะช่วยให้ริมฝีปากคุณดูอิ่มเอิบเหมือนสาวแรกรุ่น     
                ถ้าคุณรู้จักแต่งหน้า ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ผู้หญิงเราก็สามารถสวยได้ค่ะ